แม้ว่าเราต่างเคยไปร่วมงานแต่งมาแล้วหลายครั้ง เป็นเพื่อนเจ้าสาวมาแล้วหลายหน แต่ก็มีบางสิ่งบางอารมณ์ที่เรายังเข้าไม่ถึง หรือไม่เคยรู้มาก่อน และนี่คือ ’10 ความรู้สึก’ ที่เรา ๆ ทั้งหลายอาจสัมผัสไม่ได้ จนกว่าจะได้แต่งงานเอง

1. 10 นาที ก่อนก้าวเข้าสู่งาน บีบคั้นหัวใจสุด ๆ

ช่วงเวลา 10 นาที ก่อนที่เราจะเดินผ่านเข้าสู่ประตู เพื่อเปิดตัวเจ้าสาวนั้น ถือเป็น 10 นาทีที่บีบคั้นหัวใจสุด ๆ ทั้งกังวลระคนตื่นเต้น ขาสั้น เหงื่อตก มือเย็น ก็ไม่น่าแปลกใจนักหรอกค่ะ เพราะว่าช่วงเวลานั้น ความคิดหลาย ๆ อย่าง ถาโถมเข้ามาพร้อม ๆ กัน ไหนจะลุ้นกับบรรยากาศข้างในงาน แถมพอก้าวเข้าสู่งานแล้ว ชีวิตเราจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เราจะไม่โสดอีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีคนที่เรารักจำนวนมาก ให้เกียรติมาร่วมเป็นสักขีพยาน แม้ว่าจะบีบคั้นหัวใจเพียงใด แต่ก็เป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่น่าจดจำเลยทีเดียวค่ะ

2. ช่วงพิธีการ เป็นโมเมนต์ที่ดีที่สุด

ถัดมาจากช่วงตื่นเต้นก่อนเข้าสู่พิธีการ ก็เป็นช่วงระหว่างประกอบพิธีนี่แหละค่ะ ที่น่าประทับใจไม่น้อย ไม่ว่าจะจัดงานแต่งในรูปแบบของธรรมเนียมประเพณีใดก็ตาม ทั้งพิธีไทย พิธีจีน พิธีคริสต์ ฯลฯ ล้วนแต่เป็นโมเมนต์ที่น่าจดจำ ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่ถึงคิวสละโสด แต่ก็มักทราบกันดีอยู่แล้วว่า มันต้องพิเศษกว่าโมเม้นท์ไหน ๆ แน่นอน แต่ถ้าเป็นงานของตัวเองแล้ว ฟีลลิ่งมันจะเต็มเปี่ยมมากกว่าเดิมอีกค่ะ และแน่นอนว่า เราจะสามารถจดจำช่วงเวลาดี ๆ แบบนี้ ไปจนแก่จนเฒ่าแน่นอน

3. หยาดน้ำตาแห่งความปีติ

บ่าวสาวน้ำตาไหลในงานแต่ง เราเห็นกันบ่อยแน่นอน บางคนที่ว่าเป็นคนร้องไห้ยากนักยากหนา แต่ถึงเวลานั้นเดี๋ยวก็รู้กันเองแหละค่ะ เพราะกว่าจะบ่มเพาะต้นรัก และประคับประคองกันมา จนถึงเวลาสุกงอม พร้อมอยู่กินกันฉันสามีภรรยา ก็ไม่ใช่เวลาน้อย ๆ ส่วนมากก็เป็นปีขึ้นไป แถมบรรยากาศในวันงานก็ช่างส่งเสริมเป็นใจ แนะนำให้เตรียมกระดาษทิชชู่ไว้ใกล้ ๆ มือบ้างก็ดีค่ะ หรือฝากเพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว ให้ช่วยพกไว้บ้างก็ไม่เสียหาย เผื่อน้ำตาแห่งความปีตีไหลรินออกมาจริง ๆ จะได้มีอุปกรณ์ซับทันเวลา

4. มันก็จะเมื่อยแก้มหน่อย ๆ

การเก็บบรรยากาศความประทับใจของวันงานไว้ดูไปนาน ๆ ก็คือการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ แต่แหม..การยิ้มแป้นให้กล้องทุกกล้องตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ มันก็ต้องเมื่อยหน้าเมื่อยแก้มกันบ้าง แน่นอนว่าวันสำคัญทั้งที แถมมีแต่คนที่เรารักรอบตัว เราเต็มใจยิ้มกันอยู่แล้วค่ะ แต่มันก็ออกจะเมื่อย ๆ หน่อยเท่านั้นเอง

5. รู้สึกขอบคุณแขกร่วมงาน

แขกทุกท่านที่มาร่วมงาน ตั้งแต่อากง อาม่า คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย พี่ป้าน้าอา เพื่อนประถม มัธยม มหาวิทยาลัย เพื่อนร่วมงาน ต่างมาด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ มาร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว ในพิธีมงคลสมรส กล่าวได้ง่าย ๆ ว่า ที่ทุกคนมารวมตัวกันในวันนี้ ณ สถานที่แห่งนี้ เพื่อเราโดยเฉพาะ ในฐานะเจ้าบ่าวเจ้าสาว เราจึงเกิดความรู้สึกทราบซึ้ง รู้สึกขอบคุณ หัวใจของเราพองโตและแย้มยิ้มด้วยความดีใจ ที่ทุกท่านให้เกียรติมาร่วมงานในวันสำคัญวันนี้ค่ะ

10 ความรู้สึก

Image Courtesy of www.james-stokes.com

6. ขอปลีกวิเวกเตรียมใจนิดนึง

ในวันงาน ความรู้สึกต่าง ๆ ล้วนประเดประดังพร้อม ๆ กันหมดใช่ไหมคะ ทั้งดีใจ ตื่นเต้น ประหม่า บางครั้งบางทีเจ้าสาวก็อยากปลีกวิเวกมาตั้งสติเพียงลำพังสัก 2-3 นาที เพื่อสูดหายใจลึก ๆ ก่อนกลับเข้าไปร่วมพิธีอย่างสง่างาม

7. เหนื่อยและเพลียร่างสุด ๆ

ได้ยินกันมาเยอะแล้วใช่ไหมคะ ว่าหลังงานแต่งเสร็จสิ้นลง เจ้าบ่าวเจ้าสาวมักสลบไปตาม ๆ กัน เพราะเพลียร่างสุด ๆ ข้อนี้ฟังแล้วอาจจินตนาการไม่ออกว่าเหนื่อยแค่ไหนจนกว่าจะได้แต่งเอง ลองนึกดูว่าคืนก่อนหน้าวันงานก็นอนน้อยมาประมาณหนึ่งแล้ว เพราะวุ่นกับการเตรียมทุกสิ่งอย่างให้ออกมาดีที่สุด ไหนจะงานแต่งหน้าที่ต้องลุกขึ้นมาแปลงโฉมกันก่อนไก่โห่ แถมนอนไม่หลับเพราะตื่นเต้น คิดอะไรหลาย ๆ อย่างเต็มหัวไปหมด เมื่อถึงวันงานก็ดึงพลังงานมาใช้กันเต็มที่ พอจบงานเท่านั้นแหละ สลบกันเลยทีเดียว

8. ทุกอย่างอาจไม่เป็นไปตามแผน

บางสิ่งที่วางแผนไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก หรือเรื่องใหญ่ อาจมีอันต้องสะดุด ไม่เป็นไปตามแผนที่เราต้องการ พอถึงตอนนั้นจะทำอย่างไรดี แขกที่มาร่วมงานอาจไม่ได้รับรู้ แต่เจ้าของงานเครียดแน่นอน ลองมองดูรอบ ๆ งานว่า แขกยังสนุกอยู่ไหม เรื่องบางเรื่องเจ้าบ่าวเจ้าสาวอาจต้องปล่อยไป เพราะไม่สามารถลงไปจัดการได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว อาจไหว้วานให้เพื่อนเจ้าบ่าวเพื่อนเจ้าสาว หรือญาตพี่น้องช่วยดูแลความเรียบร้อยในส่วนต่าง ๆ แทน และแม้แม้ว่าทุกอย่างจะไม่เป็นตามที่วาดฝันไว้ เพลงไม่ขึ้น จอไม่ฉาย บางทีก็ต้องทำใจ อย่าให้อารมณ์ดราม่าบังเกิด แล้วทำให้งานกร่อยก็เป็นพอค่ะ

9. สิ่งดี ๆ มีความหมาย

ช่วงเวลาซึ้ง ๆ มักเกิดขึ้นตอนเราไม่ทันตั้งตัว เช่น เมื่อคุณพ่อกล่าวถ้อยแถลงถึงลูกสาวและคู่สมรส เป็นสารจากใจของคุณพ่อ ที่เราอาจไม่เคยนึกมาก่อนว่าท่านนึกคิดแบบนี้ รวมถึงอ้อมกอดแสนอบอุ่นจากคุณแม่ ก่อนที่ลูกสาวจะก้าวสู่ชีวิตสมรสอย่างเต็มตัว หรือคำพูดจากเพื่อนสนิทที่ไม่หวานชื่น แต่เปี่ยมด้วยความหวังดี และจริงใจ สิ่งเรานี้อาจมีความหมายกับคุณมาก ๆ ในการเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตเลยล่ะค่ะ

10. รู้สึกมั่นคงแน่นแฟ้น

แม้ว่าคุณและคนรัก จะคบหาดูใจ ไปทานข้าว ดูหนัง ควงแขนกันไปไหนต่อไหนมาหลายปีแล้ว แต่เมื่อแต่งงาน จดทะเบียนกันอย่างถูกต้อง ย้ายมาอยู่ด้วยกันจริงจัง ความรู้สึกที่เรามองคนรักอาจต่างไปจากเดิมบ้าง เป็นความรู้สึกจริงจัง มั่นคง ผูกพันธ์ แน่นแฟ้นกันมากกว่าเดิม พอแหงนไปมองหน้า แล้วจะมีความรู้สึกจะประมาณว่า “คน ๆ นี้แหละ ที่เราจะร่วมสร้างครอบครัว และอยู่ด้วยกันจนนาทีสุดท้าย”